ตำรวจคอมมานโด รวบแก๊งสาธุ แต่งพระหลอกเงินชาวบ้าน

เมื่อวันที่  11 พ.ย. 63 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บังคับการปฏิบัติการพิเศษ , พ.ต.อ.จิรโรจน์ โรจน์ภานุพัชร์ รอง ผบก.ปฏิบัติการพิเศษ สั่งการให้ พ.ต.อ.เรืองรัตน์ หงส์ทิพย์รัตน์ ผกก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ , พ.ต.ท.ชัยสิทธิ์ วงษ์ทอง , พ.ต.ท.ปิยฉัตร ณ พัทลุง รอง ผกก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ศราวุธ อยู่สบาย สว.กก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ นำกำลังชุดสืบสวน กก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ ออกสืบสวนจับกุมแก๊งสาธุ ที่ยังหลบหนีอยู่ จำนวน 3 ราย ประกอบ ด้วย

1. นางพัชรี อินทร์วารี อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 277/2563 ลง 5 ต.ค. 63 

2. นายจำนงค์ มีอุบล อายุ 64 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 278/2563 ลง 5 ต.ค. 63. 

3. นายเกรียงไกร คำสะอาด อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ตที่ 279/2563 ลง 5 ต.ค. 63 

ในความผิดฐาน “ร่วมฉ้อโกงประชาชนและใช้เอกสารปลอม”

หตุการณ์ในคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 29 ส.ค.63 ที่ผ่านมา โดยขบวนการกลุ่มผู้ต้องหาหัวใส ภายในชื่อ “แก๊งสาธุ” ประกอบไปด้วย  นายบุญหลง หมื่นลาภ (จับกุมตัวแล้ว) , นางพัชรี อินทร์ารี, นายจำนงค์ มีอุบล และ นายเกรียงไกร คำสะอาด ได้วางแผนนำรถยนต์กระบะบรรทุกองค์พระพุทธรูป ตระเวนเรี่ยไรเงินศรัทธาจากชาวบ้านในพื้นที่ จ.ภูเก็ต ก่อนความแตกว่าเป็นพวกลวงโลก

เหตุการณ์ในครั้งมีผู้ต้องหาทั้งสิ้น 4 ราย โดยแบ่งหน้าที่กันดังนี้ นายบุญหลงฯ แต่งกายปลอมเป็นพระนั่งท้ายรถ ส่วนผู้ร่วมขบวนการที่เหลือจะขอเงินเรี่ยไรจากชาวบ้านผู้มีจิตศรัทธา โดยจะแจ้งกับประชาชนทราบว่าจะนำเงินที่ได้รับบริจาคไปสร้างศาลาการเปรียญมูลค่า 2 ล้าน ให้กับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ซึ่งทำให้มีประชาชนหลงเชื่อจำนวนหนึ่ง และพากันบริจาคเงินให้เป็นจำนวนมาก

ต่อมามีผู้ร้องให้ตรวจสอบพบว่า “วัดที่กล่าวอ้างมีการสร้างศาลาการเปรียญจริงหรือไม่”  และหลังจากสอบถามไปยังวัดที่จังหวัดลพบุรี ก็ปรากฏว่าทางวัดไม่มีการสร้างแต่อย่างใดอีกทั้งทางวัดไม่รู้จักกับบุคคลทั้ง  4 คนนี้ด้วย เป็นเหตุให้ สภ.เมืองภูเก็ต เข้าตรวจสอบ และจับกุมตัวนายบุญหลง หมื่นลาภ ผู้รับบทพระสงฆ์  

หลังจากตรวจสอบและจับกุมพบว่าตัวนายบุญหลงฯ เอง ไม่มีใบสุทธิ  พบเสื้อและกางเกงไว้สำหรับเปลี่ยน พร้อมเงินบริจาคอีกส่วนหนึ่ง ส่วนในแก๊งอีก 3 รายไหวตัวทัน และได้หอบเงินบริจาคหลบหนีออกจากพื้นที่ โดยคาดว่ากวาดเงินไปกว่าสามแสนบาท พนักงานสอบสวนจึงขออนุมัติต่อศาลเพื่อออกหมายจับผู้ต้องหากลุ่มดังกล่าว

เนื่องจากพฤติกรรมเป็นภัยสังคม หากินบนความเชื่อและความศรัทธาในพระพุทธศาสนา สร้างความเดือดร้อน หลอกลวงซ้ำเติมทุกข์ประชาชน ในช่วงโรคระบาด ชุดสืบสวน กก.2 บก.ปฏิบัติการพิเศษ จึงได้ออกสืบสวนจนทราบว่าสมาชิกแก๊งที่เหลือรอด หลบหนีไปกบดานในพื้นที่ จ.ลพบุรี จึงรายงานผู้บังคับบัญชา และลงพื้นที่ออกสืบสวนติดตามเพื่อจับกุมตัว จนสามารถจับกุมตัวได้ครบทั้ง 3 ราย ในพื้นที่อำเภอท่าหลวง และอำเภอชัยบาดาล จังหวัดลพบุรี สอบถามรับว่าเคยก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง ในหลายพื้นที่ โดยจะเน้นจังหวัดที่เป็นสานที่ท่องเที่ยว สาเหตุเพราะได้เงินมาง่าย และไม่ค่อยมีใครมาตรวจสอบ

“สยบทุกข์ภัย รับใช้ปวงประชา”